ในการศึกษาระบอบดินจะใช้ปัจจัยและการกระทำที่มีอิทธิพลต่อการ พัฒนาดินเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ระบอบบอากาศจะเป็นตัวควบคุมระบอบของดินด้วย ดังนั้นในการจำแนกระบอบดินจึงเอาแบบอย่างมาจากการจำแนกระบอบอากาศ ซึ่งระบอบดินสามารถนำไปใช้เป็นเกณฑ์ในการจำแนกกลุ่มดินทั่สำคัญของโลกได้ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อพืชพรรณธรรมชาติ อย่างใกล้ชิดอีกด้วย โดยสามารถจำแนกได้ดังนี้
1. ระบอบดินพอดซอล
ระบอบดินพอดซอล (regime of podzolization) หรือระบอบดิน “ขี้เถ้า” จะพบอยู่ภายใต้สภาพภูมิอากาศที่เย็น ลักษณะทั่วไปของดินระบอบนี้ ดินชั้นบนจะเป็นกรดที่เกิดจากขุยอินทรีย์ที่ผุพังและสลายตัวจากซากพืชซาก สัตว์ ดินชั้นเอ 2 มีลักษณะเป็นขี้เถ้าทีประกอบด้วยแร่ซิลิก้า อนุภาคคอลลอยด์ของอินทรีย์และออกไซด์ของเหล็กจะถูกชะซึมลงไปในดินชั้นล่าง ดังนั้น จึงทำให้ดินชั้นบนมีสีเข้มและแน่นทบางครั้งจะแข็งคล้ายกับหิน
2. ระบอบดินแลง
ระบอบดินแลง (regime of iaterization) เป็นระบอบดินที่เกิดขึ้นในเขตร้อนโดยมีความชื้นเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่จะพบในสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้นเกือบตลอดทั้งปี จากสภาพร้อนชื้นนี่เอง การที่ดินมีเหล็กไคว์ออกไซด์สูงจะทำให้ดินเหนียวและมีสีแดงบางครั้งจะแข็ง
3.ระบอบดินแคลเซียม
ระบอบดินแคลเซียม (regime of calcification) จะพัฒนาขึ้นในบริเวณที่มีอัตราการระเหยของน้ำค่อนข้างสูง แต่ปริมาณหยาดน้ำฟ้าที่ตกลงมาอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เป็นระบอบดินที่พบในเขพภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามีไม่เพียงพอที่จะชะล้างธาตุจำพวกด่างออกไปจากดินได้ หมด ทำให้ดินมีปริมาณไอออนของแร่แคลเซียมและแมกนีเซียมมาก
4. ระบอบดินกลี
ระบอบดินกลี (regime of gleization) เป็นระบอบดินพัฒนาขึ้นในภูมิประเทศที่มีการระบายน้ำต่ำ จึงพบอยู่ตามบริเวณที่ชื้นแฉะหรือภูมิอากาศเย็น จึงทำให้อินทรืย์วัตถุยังคงรักษารูปทรงเดิมและทับถมกันอยู่ตามพื้นผิวดิน ใต้ชั้นนี้ลงไปจะเป็นดินกรีที่เหนียว มีสีน้ำเงินหรือน้ำเงินปนเทาเพราะมีแร่เหล็กผสมอยู่ในดินต่ำ
5. ระบอบดินเค็ม
ระบอบดินเค็ม (regime of salinization ) เป็นระบอบบดินที่มีเกลือสะสมอยุ่ปริมาณค่อนข้างสูง มักจะพบอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบแห้งแล้งและมีการระบายน้ำไม่ดี น้ำจะไหลจากที่สูงโดยรอบมาแช่ขังอยู่ ต่อจากนั้นน้ำเหล่านั้นจะระเหยออกไปทิ้งพวกเกลือชนิดต่างๆเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นเกลือซัลเฟต และคลอไรด์ของแคลเซียมและดซเดียม
ใส่ความเห็น